“ชีวิตที่มีความสุข”

ถ้าจะถามว่าเราอยากจะมีชีวิตในโลกนี้อย่างไร? ทุกคนก็คงจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “อยากอยู่อย่างมีความสุข” ซึ่งคงไม่มีใครอยากจะอยู่อย่างมีความทุกข์แน่นอน สรุปได้ว่า ทุกคนอยากจะอยู่ในโลกนี้อย่างมีความสุข และถ้าจะถามอีกว่า แล้ววันนี้ทุกคนอยู่อย่างมีความสุขตามที่ตั้งความหวังไว้หรือไม่ อย่างไร? คำตอบก็คือ ชีวิตไม่ได้มีแต่เพียงความสุขตามที่ต้องการเพียงอย่างเดียว ยังมีความทุกข์เข้ามาบั่นทอนความสุขให้หมดไปอีกด้วย ที่หนักไปกว่านั้น มีบางคนไม่เคยรู้จักคำว่าความสุขเลย เพราะชีวิตมีแต่ความทุกข์อยู่ตลอดเวลา ส่วนบางคนก็พอจะมีความสุขบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะมีแต่ความทุกข์เสียมากกว่า บางคนจะมีทั้งสุขหรือทุกข์คละเคล้ากันไป เคยคิดไหมว่า ทำไมชีวิตถึงได้เป็นอย่างนี้ ทำไมความสุขที่เราปรารถนามากกว่าสิ่งอื่นใดจึงได้บ้างไม่ได้บ้าง เป็นความสุขที่ขาดๆ หายๆ ได้มาเพียงชั่วครู่ชั่วยามแล้วก็หายไป ในขณะเดียวกันความทุกข์ที่เราไม่ต้องการกลับวิ่งเข้ามาสู่ชีวิตของเราครั้งแล้วครั้งเล่าไม่มีหยุดหย่อน ก็จะบอกว่าเราไม่มีความสุขนั้นก็เพราะเราไม่ได้แสวงหาอย่างจริงจัง อันนี้ก็คงไม่ใช่ เพราะทุกคนต่างดิ้นรนแสวงหาความสุขด้วยกันทั้งนั้น ตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงเข้านอน งานของเราก็คือออกไปหาความสุขมาให้กับตัวเองและให้กับครอบครัว…

Continue reading

“คุณค่าของความเป็นคนอยู่ที่ไหน”

มีคำถามอยู่เสมอว่า “คุณค่าของคน” อยู่ที่ไหนและอะไรคือคุณค่าของคน ดูเหมือนว่าความคิดของแต่ละคนในเรื่องนี้จะไม่เหมือนกัน บางคนก็บอกว่าคุณค่าของคนอยู่ที่สติปัญญาความรู้ความฉลาด บางคนก็ว่าอยู่ที่อำนาจวาสนา ยศศักดิ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่ความร่ำรวย มีอีกเยอะที่สร้างนิยามให้กับ “คุณค่าของคน” บ้างก็ว่าคุณค่าของคนอยู่ที่รูปสมบัติ สรุปแล้วใครจะตั้งคำนิยามของความคิดเห็นอย่างไรก็แล้วแต่ เพราะความจริงแล้วคุณค่าที่เอ่ยมานั้นล้วนแต่เป็นคุณค่าที่เสื่อมสูญหายสิ้นสภาพไปได้ทั้งนั้น จะช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง             แต่คุณค่าของคนที่อยากจะพูดถึงก็คือคุณค่าที่ถูกมองข้าม ที่น้อยคนที่จะให้ความสำคัญ นั่นก็คือ “คุณค่าของคนอยู่ที่ความดีของเขา” คุณค่าของความเป็นคนดีดังกล่าวนี้หาได้ยากในสังคมโลกวันนี้ ตามหลักความเชื่อของคริสเตียนแล้วเชื่อว่า คนดีที่มีคุณค่าน่ายกย่องนั้นนับวันแต่จะลดน้อยไปทุกๆ วัน ตรงตามที่พระวจนะธรรมคัมภีร์กล่าวไว้ว่า “ความชั่วจะทวีขึ้น ความรักจะเยือกเย็นลง” (มัทธิว 24:12) แนวโน้มก็เป็นอย่างที่ว่านี้จริงๆ เมื่อมีความชั่วเพิ่มมากขึ้นเท่าใด…

Continue reading

“อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน”

“จงอย่าไว้วางใจใครสักคนในโลกนี้ เพราะแม้แต่เงาของคุณเองยังหนีจากคุณเมื่อคุณอยู่ในความมืด” เป็นอีกหนึ่งข้อคิดคำคมที่เตือนใจเราได้เป็นอย่างดี สำหรับเรื่องความไว้วางใจ เพราะหากเราวางใจใครสักคนที่คิดว่าเขาเป็นคนดี แต่แล้ววันหนึ่งเขากลับทำให้เราผิดหวังขึ้นมา ความเจ็บปวดใจก็จะเกิดขึ้นกับเราอย่างไม่ต้องสงสัย จะเจ็บมากเจ็บน้อยอย่างไรมันก็ขึ้นอยู่กับว่าเราวางใจเขามากแค่ไหนเพียงไร ด้วยเหตุนี้ภาษิตโบราณท่านจึงย้ำเตือนเราตลอดมาว่า “อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน”             ทำไมเราต้องระมัดระวังในการไว้วางใจ “คน” ดูคำตอบจากพระวจนะธรรมคัมภีร์จะบอกเหตุผลไว้อย่างชัดเจนว่า “จิตใจมนุษย์โกงเกินบรรดาทุกสิ่งและชั่วร้ายกาจนัก” (เยเรมีย์ 17:9) นี่คือสาเหตุสำคัญที่เราจะไว้วางใจคนแบบง่ายๆ โดยไม่ดูให้รอบคอบเสียก่อน ดูกันนานๆ จนกว่าเราจะรู้จักตัวตนของคนๆ นั้นอย่างถ่องแท้ แล้วจึงค่อยให้ความไว้วางใจเขา ส่วนการดูคนให้ดีจนกว่าเราจะรู้แจ้งเห็นจริงได้ก็ต้องใช้เวลา อย่าด่วนสรุปเพียงเพราะเหตุผลผิวเผิน เพราะสิ่งดีในตัวคนที่เราเห็นอาจเป็นแค่หน้ากากที่ดูดีและสวยงามชิ้นหนึ่งเท่านั้น ส่วนตัวตนจริงนั้นถูกปิดซ่อนไว้ข้างใน ไม่ให้เราเห็นจึงต้องรอเวลาสักวันหนึ่งเขาจะเผลอแสดงตัวตนจริงออกมาให้เราเห็น เพราะไม่มีใครที่จะปิดซ่อนตัวตนจริงไว้ได้นาน…

Continue reading

“รวมกายใจเป็นหนึ่งเดียว”

            คุณพ่อของบรรดาลูกๆ ที่มีอยู่ 7 คนไม่สบายใจที่ลูกๆ ทั้ง 7 มักจะมีเรื่องขัดใจระหองระแหงกันอยู่เป็นประจำ ดังนั้น คุณพ่อจึงคิดหาทางแก้ปัญหานี้ เพื่อบรรยากาศจะได้กลับมาเป็นปกติให้ได้             วันหนึ่งเมื่อทุกคนว่าง ผู้เป็นพ่อก็ได้เรียกลูกๆ ทั้ง 7 มาพร้อมหน้าและได้ให้ลูกๆ นำดินสอดำมาคนละแท่งที่มีขนาดเท่าๆ กัน แล้วให้ทุกคนใช้มือหักดินสอของตนออกเป็นสองท่อน ซึ่งทุกคนก็หักดินสอออกเป็นสองท่อนพร้อมกันได้อย่างง่ายดาย ต่อจากนั้นผู้เป็นพ่อก็ได้ให้ลูกๆ ทั้ง 7 นำดินสออีก 1 แท่งที่เหลืออยู่นำมารวมกัน เสร็จแล้วก็ให้ลูกชายคนหนึ่งหักแท่งดินสอที่นำมารวมกันนั้น ปรากฎว่าแม้จะออกแรงยังไงก็ไม่สามารถหักดินสอที่นำมารวมกันนั้นได้            …

Continue reading

“ตุ๊กตาชีวิต”

ได้มีการเปรียบเทียบชีวิตของคนไว้ว่า คนบางคนทำตัวเป็นเหมือนตุ๊กตาชีวิต คือ รูปกายภายนอกนั้นมีชีวิตที่ไม่ยอมเปลี่ยนเคยเป็นอย่างไรก็ยังคงเป็นอย่างนั้น ส่วนภายในก็มีชีวิตจิตวิญญาณเหมือนคนอื่นๆ น่าคิดนะครับ ต้องยอมรับว่า บางคนเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็คือเขาไม่ยอมเปลี่ยนแปลงแป็นอย่างไรก็คงเป็นอย่างนั้น มันก็เหมือนกับตุ๊กตานั่นแหละ เขาทำมารูปแบบไหน สีสัน เป็นอย่างไรขนาดเล็กขนาดใหญ่ เสื้อผ้าแบบไหนก็เป็นอย่างนั้นไม่เปลี่ยน ใครเขาจะเปลี่ยนชีวิตอย่างไรก็ไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนให้ดีขึ้นหรือแปลกใหม่ขึ้นอย่างคนอื่นเขาบ้าง จนกลายเป็นคนตกยุค อะไรดีๆ เข้ามาคนอื่นคว้าเอาไปหมด โดยคนที่ทำตัวเป็นเพียงตุ๊กตาชีวิตที่มีแค่เพียงชีวิตและลมหายใจไม่เคยคิดจะดิ้นรนไขว่คว้าแสวงหาสิ่งดีๆ มาเสริมสร้างให้เกิดคุณค่าต่อชีวิตของตนบ้างเลย ซึ่งคนดังกล่าวนี้จะพูดเสมอว่าสิ่งที่เขามีและสิ่งที่เขาเป็นอยู่นั้นมีความเหมาะสมและสมบูรณ์พอเพียงสำหรับเขาแล้ว ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมแต่อย่างใดทั้งสิ้น นี่คือคนประเภทที่ทำตัวเป็น “ตุ๊กตาชีวิต” ที่ถูกออกแบบให้เป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น โดยไม่คิดที่จะเปลี่ยนแปลงปรับปรุงส่วนหนึ่งส่วนใดให้ต่างไปจากเดิมแม้แต่น้อยนิด แต่ตามหลักความเป็นจริงนั้น ความเป็นคนมีชีวิตจิตใจจะต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงชีวิตในทุกๆ ส่วนให้ดีขึ้นกว่าเดิมอยู่เสมอ…

Continue reading