มัทธิว 17:1-3, 5ข – ครั้นล่วงไปได้หกวันแล้ว พระเยซูทรงพาเปโตร ยากอบ และยอห์นน้องของยากอบขึ้นภูเขาสูงแต่ลำพัง แล้วพระกายของพระองค์ก็เปลี่ยนไปต่อหน้าเขา พระพักตร์ของพระองค์ก็ทอแสงเหมือนแสงอาทิตย์ ฉลองพระองค์ก็ขาวผ่องดุจแสงสว่าง โมเสสและเอลียาห์ก็มาปรากฏแก่พวกสาวกเหล่านั้น กำลังเฝ้าสนทนากับพระองค์ … เมฆสุกใสมาปกคลุมเขาไว้ แล้วมีพระสุรเสียงออกมาจากเมฆนั้นว่า “ท่านผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจ ท่านผู้นี้มาก จงเชื่อฟังท่านเถิด”
ช่างเป็นประสบการณ์ที่พิเศษที่ได้เห็นพระเยซูในพระสิริอันรุ่งโรจน์ของพระองค์ และได้ยินเสียงพระเจ้าทรงตรัสจากสวรรค์ ไม่น่าสงสัยเลยที่พวกสาวกตกใจกลัว
ข้าพเจ้าสงสัยว่า เขามองดูพระเยซูด้วยมุมมองใหม่หรือไม่หลังจากนั้น โดยจำได้ถึงพระสิริที่ซ่อนอยู่ในชายที่เงียบสงบผู้นี้ซึ่งมีสายตาที่เหนื่อยอ่อนและเท้าเปื้อนฝุ่น เขารู้ดีว่าอะไรทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยล้าและมอมแมม เพราะการเอาพระทัยใส่ประชากรของพระเจ้าทั้งกลางวันกลางคืนนั่นเอง พระองค์ทั้งทรงเทศนา ทรงสั่งสอน และทรงรักษาโรค ทรงดูแลคนป่วยและผู้คนที่ยากลำบากอย่างสม่ำเสมอ
แต่ตอนนี้เขาเห็นพระสิริอันรุ่งโรจน์ของพระองค์ด้วยตาของเขาเอง แล้วเขาจะเห็นอีกครั้งในลักษณะที่ต่างออกไปอย่างมากในวันศุกร์ประเสริฐ เมื่อพระเยซูทรงยินดีถูกตรึงที่กางเขนเพื่อช่วยกู้มนุษย์ทุกคนจากอำนาจของความตายและมาร จากนั้นพระทัยของพระเยซูทรงสำแดงเต็มที่ต่อจักรวาลคือ พระสิริของพระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงเชื่อฟังพระบิดาของพระองค์ และทรงมอบชีวิตของพระองค์เองเพื่อเราอย่างเต็มพระทัย ใครอีกที่รักเรามาก ใครอีกที่มีเมตตา กรุณา อดทน และซื่อสัตย์อย่างไม่สิ้นสุด
เราอธิษฐาน: องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์เห็นพระสิริของพระองค์ด้วยเช่นกัน ในความตายและการคืนพระชนม์ของพระองค์เพื่อข้าพระองค์ ขอบพระคุณพระองค์ อาเมน
คำถามเพื่อการใคร่ครวญ:
•ส่วนไหนในการจำแลงพระกายของพระเยซูที่ประทับใจคุณมากที่สุด
• ทำไมเราเรียกกางเขนว่าเป็นสง่าราศีของพระเยซู
• กางเขนแสดงให้เราเห็นอะไรเกี่ยวกับพระทัยของพระเยซู
© : Lutheran Hour Ministries